วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2551

HOSPITAL

"Hospital" By P Nan Print E-mail
Written by admin2
Wednesday, 26 March 2008
หวัดดีค่ะ...น้องๆ เจอกันเช่นเคยนะคะ คราวก่อนๆโน้น...พี่คุยเรื่องร่างกายทุกสัดส่วนไปแล้ว วันนี้ก็เลยอยากจะสานต่อเรื่องราววันนั้นเพิ่มเติมค่ะ

ก็ถ้าพูดถึงร่างกายของเรา น้องๆหลายคนอาจจะนึกถึงความสวย ความงามบนเรือนร่างและหน้าตา (ที่มีอยู่น้อยนิด อิ อิ) คิดถึงเรื่องศัลยกรรมตกแต่ง เอ๊ะ...ว่าเราจะไปทำส่วนไหนดี เพิ่ม ลด ตรงไหนให้มันสวยยิ่งขึ้น หรือจะต้องทำทั้งหัวและตัว (ไปเกิดใหม่...ง่ายกว่าใหม่อ่ะ) แต่...ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมาล่ะค่ะ คิดถึงอะไร ???

หลายคนบอกว่า “คิดถึงรถพยาบาลก่อนเลย...น่ะสิพี่” แน่นอนค่ะ แล้วรถพยาบาลพาน้องๆไปไหนคะ อ้า...หลายคนบอกว่า “สวนสนุก” (อันนั้นน่าจะเป็นรถพยาบาลโรงพยาลบ้าละล่ะ) ว่าแล้ว...วันนี้เราไปเที่ยวโรงพยาบาลกันดีกว่าค่ะ

โรงพยาบาลมีประโยชน์ในเวลาที่ลำบาก แม้ในชีวิตคนเราไม่มีใครอยากไปโรงพยาบาล แต่เมื่อต้องไปก็แสดงว่ามีความจำเป็นจริงๆดังนั้นเรามาเรียนรู้คำศัพท์พื้นฐานที่จำเป็นกันสักหน่อย โรงพยาบาลมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพและจุดมุ่งหมายที่จะรักษา อีกทั้งคำเรียกก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละอย่าง “โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิต” ใช้คำว่า mental hospital, “โรงพยาบาลทั่วไป” ซึ่งจัดเตรียมแผนกต่างๆไว้หลายแผนกใช้คำว่า general hospital “สถานพยาบาลเล็กๆของเมือง” ก็ใช้คำว่า clinic หรือ polyclinic ในต่างจังหวัดบ้านเรามักมีสถานีอนามัย (health center หรือ government clinic) ส่วนสถานพยาบาลหรือบ้านพักคนชราที่มีผู้ดูแลสุขภาพให้เรียกว่า nursing home หรือ retirement home ที่เรามักไม่พบมากนักในเมืองไทยแต่มีอยู่อย่างมากมายในประเทศอเมริกา

นอกจากนี้การไปรับการรักษาจากหมอนั้น “การประกันสุขภาพ” (health insurance) เป็นสิ่งจำเป็นและจะถูกเรียกว่า “คนไข้ที่ประกันสุขภาพ” (health insurance patient) หรือ “คนที่ได้รับการประกันสุขภาพ” (the insured)

สิ่งที่จัดให้มีขึ้นในโรงพยาบาล ถ้ามีอาการป่วยรุนแรง เมื่อเข้าโรงพยาบาลแล้วก็จะทำ “การผ่าตัด” (operation) ในกรณีนี้ “ข้อตกลงยินยอมของคนไข้ที่จะรับการผ่าตัด” (informed consent) เป็นสิ่งจำเป็น ในเวลาที่จะ “ถ่ายเลือด” (blood transfusion) ต้องหา “กรุ๊ปเลือด” (blood type) จากนั้นก็นำเลือดออกมาจาก “ธนาคารเลือด” (blood bank) ส่วน “การบริจาคเลือด” ใช้คำว่า blood donation
ขณะที่รับ “ใบสั่งยา” (prescription – ยังมีความหมายว่า “ยาที่แพทย์สั่ง” ด้วย) แล้วต้องไปรับยา “ยา” ใช้คำว่า drug หรือ medicine ส่วน “การให้ยา” จะใช้คำว่า medication “ยาเม็ด” ใช้คำว่า pill ส่วน “ยาใช้ภายใน/ยาดื่ม” ใช้คำว่า oral medicine นอกจากนี้อยากให้ทำความเข้าใจคำศัพท์อื่นๆเกี่ยวกับยาเพิ่มเติม ได้แก่ “ยาเอนกประสงค์รักษาได้สารพัดโรค” (panacea), “ปริมาณยาที่รับประทาน” (dosage), “ผลข้างเคียง” (side effect/adverse effect), “ผลที่เกิดขึ้นภายหลัง” (aftereffect)

จุดเริ่มต้นและตอนจบของชีวิตคนเรา โรงพยาบาลเป็นทั้งสถานที่เกิดและตายของมนุษย์ คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับ “การคลอดบุตร” (childbirth) ได้แก่ “ความเจ็บปวดจากการเบ่ง (คลอด)” (labor pains), “ห้องทำคลอด” (delivery room), “การผ่าเอาทารกออกทางหน้าท้อง” (Caesarean operation), “การแท้ง” (miscarriage), “การคลอดก่อนกำหนด” (premature birth) นอกจากนี้ยังมีคำว่า “การฉีดน้ำเชื้อเพื่อให้ตั้งครรภ์เทียม” ซึ่งมักจะปรากฎเป็นหัวข้อข่าวในหนังสือพิมพ์นั้นใช้คำว่า artificial insemination
คำที่ตรงข้ามกับคำว่า “การมีชีวิต” (life/living/existence) คือ “ความตาย” (death) ซึ่งแบ่งเป็น “การตายด้วยโรคภัย” (death from disease) และ “การตายไปโดยธรรมชาติ” (natural death) เมื่อ “สมองตาย/ไม่สั่งการ” (brain death) ก็จะกลายเป็น “มนุษย์นิทรา” (person in a vegetative state) ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ “การทำให้ตายโดยไม่ทรมาน” (euthanasia) และ “การตายอย่างสมเกียรติ” (death with dignity) เรื่องที่ว่า “ควรจะยืดชีวิตให้ยาวออกไป” (life support) หรือไม่ “สิทธิที่จะตาย” (right to die)
ควรจะมีหรือไม่ดังนั้นเรื่องนี้จึงได้กลายเป็นข้อโต้เถียงกันมากขึ้น และยังหาข้อสรุปไม่ได้ในหลายๆประเทศทั่วโลก

เป็นไงบ้างคะ “ตะลุยโรงพยาบาล” กับพี่ในวันนี้ หวังว่าน้องๆคงจะได้ความรู้ ติดหูกันไปบ้างนะคะ...คราวนี้ถ้าใครพูดถึงโรงพยาบาลหรือความเป็น-ความตาย น้องๆก็คงมี idea ในหัวแล้วนะคะ ว่าคำศัพท์ที่จะต้องเจอ หรือสิ่งที่ควรรู้ จะประมาณไหน ...ยังไงก็ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพกันให้ดีค่ะ อยากให้ไป “สวนสนุก” กันมากกว่าไป “โรงพยาบาล” ค่ะ ^-^

ไม่มีความคิดเห็น: